วันจันทร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2555

หัวข้อรายงาน

1.การพัฒนาระบบสารสนเทศ (กลุ่ม รัชดาำภรณ์)
2.ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารทรัพยากรณ์มนุษย์ (กลุ่ม อังศนา)
3. ระบบสารสนเทศทางการตลาด(กลุ่มเอกพันธ์)
4. ระบบสารสนเทศทางการบัญชี (กลุ่มนงลักษณ์)
5. ระบบสารสนเทศทางการเงิน (กลุ่มสุภาพร)
6. ระบบสารสนเทศทางการผลิต (กลุ่มพรรณวดี)
7.ระบบสารสนเทศทางการวางแผนทรัพยากรองค์การ(ERP) (กลุ่้มชลารัตน์)
8.ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์(กลุ่มสุนิตา)
9.ระบบสารสนเทศการจัดการความรู้
10. ระบบสารสนเทศด้านการจัดการห่วงโซ่อุปทาน
11.ระบบสารสนเทศด้านการจัดการลูกค้าสัมพันธ์
12.ระบบสารสนเทศด้านอัจฉริยะทางธุรกิจ

ให้นักศึกษาค้นคว้ารายงานกลุ่มละ 3 คน และส่งวันที่ 21 ก.พ.2555 พร้อมรูปเล่ม และแผ่นซีดี รายงานนำเสนอหน้าชั้นเรียน

วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2555

video สอนเรื่องระบบเครือข่าย.mpeg

คุณมีความคิดเห็นอย่างไรกรณีที่ iphone 4s ไม่วางจำหน่ายในประเทศจีน

ศึก iPhone 4s ในจีนกับแก๊งค์หนูน้อยหมวกแดง !!

หมวด » Mobile & Tablet » iPhone

iPhone 4s - Apple store  ในจีนนั้น เพิ่งจะวาง  iPhone 4s อย่างเป็นทางการ เมื่อศุกร์ที่ผ่านมา และก็เหมือนเช่นเคย ที่การจำหน่ายโปรดักส์แอปเปิ้ลในจีน จะต้องเกิดปัญหา จากบรรดาผู้มาแห่อุดหนุนมืดฟ้า มัวดิน

ในคราวของการจำหนาย iPhone 4s ครั้งนี้ Apple store ในเมืองปักกิ่งและเซียงไฮ้ รวม 5 สาขา  ได้รับการตอบรับจากบรรดาสาวกชาวจีน ที่มาต่อแถวซื้อกันตั้งแต่คืนก่อนกำหนดการวางจำหน่าย ขณะเดียวกันก็ปรากฎแก๊งค์หมวกแดง จำนวนมากแทกซึมอยู่ ในกลุ่มฝูงชนที่มารอซื้อด้วย


โดยแก๊งค์หมวกแดงหาใช่อื่นใด คือกลุ่ม ผู้มาซื้อ  iPhone 4s เพื่อนำไปปล่อยให้ดีลเลอร์ในเกรย์มาร์เกตอีกทอดนึง โดยมีสัญญาจ้างที่ 100 หยวน หรือราว $16 สำหรับการต่อคิว 12 ชั่วโมงหรือมากกว่า

ขณะที่การต่อคิวที่ Apple store ในซานหลี่ถุน ปักกิ่งนั้น ค่อยๆ เกิดความโกลาหลขึ้น เนื่องจากความไม่เป็นระเบียบ และการเลื่อนเวลาเปิดร้าน ที่ล่าช้า ทำให้กลุ่มแก๊งค์หมวกแดงเกิดความไม่พอใจ และเริ่มที่จะตะโกนด่าหลอกลวง และเข้าทุบประตูร้าน


จนทำให้เจ้าหน้าที่ Apple Store ต้องออกมาประกาศหยุดจำหน่ายชั่วคราวก่อน สร้างความไม่พอใจให้กับแฟนๆ ผู้มาต่อคิว และแก๊งค์หมวกแดงอย่างมาก จึงได้มีการปาไข่เข้าไปยังร้าน จนเจ้าหน้าที่ต้องออกมาควบคุมสถาณการณ์

“ FXXK off! Apple! ถอนตัวออกไปจากตลาดมือถือจีนซะ!! “ ฝูงชนตะโกนด่าอย่างสะใจ ในขณะที่เจ้าหน้าที่ผู้เข้าควบคุมสถาณการณ์ เข้าจับกุมผู้ก่อเหตุปาไข่ใส่ร้าน พบหลักฐานอาวุธไข่ ในฝูงชนกว่า 500 คน เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวออกจากที่เกิดเหตุ ทั้งนี้กลุ่มผู้ก่อเหตุมีการปะทะกับเจ้าหน้าที่และข่มขู่ทำร้ายด้วย !!

Source By Micgadget

วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

การสืบค้นข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต

     
การค้นหาข้อมูลมีด้วยกัน 2 วิธีด้วยกัน คือ
1.       การค้นหาในรูปแบบ Index Directory
2.       การค้นหาในรูปแบบ Search Engine
1. การค้นหาในรูปแบบ Index Directory
               วิธีการค้นหาข้อมูลแบบ Index นี้ข้อมูลจะมีความเป็นระเบียบเรียบร้อยมากกว่าการค้นหาข้อมูลด้วย วิธีของ Search  Engine เพราะจะสามารถคัดแยกข้อมูลออกมาเป็นหมวดหมู่ และจัดแบ่งแยก Site ต่างๆ ออก เป็นประเภท สำหรับวิธีใช้งานสามารถที่จะ Click เลือกข้อมูลที่ต้องการจะดูได้เลยใน Web Browser จากนั้นที่หน้าจอก็จะแสดงรายละเอียดของหัวข้อปลีกย่อยลึกลงมาอีกระดับหนึ่ง ปรากฏขึ้นมาให้เราเลือกอีก ส่วนจะแสดงออกมาให้เลือกมากเท่าไรก็ขึ้นอยู่กับขนาดของฐานข้อมูลใน Index  ว่าในแต่ละประเภท จัดรวบรวมเก็บเอาไว้มากน้อยเพียงใด เมื่อได้ข้อมูลตรงกับความต้องการแล้ว สามารถ Click ลงไปยัง Link  เพื่อขอเชื่อมต่อทางเว็บไซต์ก็จะนำเอาผลของข้อมูลดังกล่าวออกมาแสดงผลทันที
2. การค้นหาในรูปแบบ Search Engine
ในโลกของอินเทอร์เน็ทข้อมูลมีมากมายเหลือเกิน ถ้าจะใช้เวลาในการอ่านทุกสิ่งบน เข้าไปค้นหาอินเทอร์เน็ทคงต้องใช้เวลานานหลายชั่วอายุคน จริง ๆ แล้วเราคงไม่มีความสนใจในทุกเรื่อง แต่คงสนใจเฉพาะเรื่องที่เราสนใจเท่านั้น จึงมีคนคิดเครื่องมือใน
การช่วยค้นหาข้อมูลที่ต้องการ นั้นก็คือ Search Engine

ความหมาย/ประเภทของ Search Engine
การค้นหาข้อมูลบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก ถ้าเราเปิดไปทีละหน้าจออาจจะต้องเสียเวลาในการค้นหา และอาจหาข้อมูลที่เราต้องการไม่พบ การที่เราจะค้นหาข้อมูลให้พบอย่างรวดเร็วจะต้องใช้เว็บไซต์สำหรับการค้นหาข้อมูลที่เรียกว่า Search Engine Site ซึ่งจะทำหน้าที่รวบรวมรายชื่อเว็บไซต์ต่างๆ เอาไว้ โดยจัดแยกเป็นหมวดหมู่ ผู้ใช้งานเพียงแต่ทราบหัวข้อที่ต้องการค้นหาแล้วป้อน คำหรือข้อความของหัวข้อนั้นๆ ลงไปในช่องที่กำหนด คลิกปุ่มค้นหา (หรือกดปุ่ม Enter) เท่านั้น รอสักครู่ข้อมูลอย่างย่อๆ และรายชื่อเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องจะปรากฏให้เราเข้าไปศึกษาเพิ่มเติมได้ทันที
Search Engine แต่ละแห่งมีวิธีการและการจัดเก็บฐานข้อมูลที่แตกต่างกันไปตามประเภทของ Search Engine ที่แต่ละเว็บไซต์นำมาใช้เก็บรวบรวมข้อมูล ดังนั้นการที่คุณจะเข้าไปหาข้อมูลหรือเว็บไซต์ โดยวิธีการ Search นั้น อย่างน้อยคุณจะต้องทราบว่า เว็บไซต์ที่คุณเข้าไปใช้บริการ ใช้วิธีการหรือ ประเภทของ Search Engine อะไร เนื่องจากแต่ละประเภทมีความละเอียดในการจัดเก็บข้อมูลต่างกันไป ที่นี้เราลองมาดูซิว่า Search Engine ประเภทใดที่เหมาะกับการค้นหาข้อมูลของคุณ
ประเภทของ Search Engine
1.       Keyword Index
2.       Subject Directories
3.        Metasearch Engines
1.Keyword Index   เป็นการค้นหาข้อมูล โดยการค้นจากข้อความในเว็บเพจที่ได้ผ่านการสำรวจมาแล้ว จะอ่านข้อความ ข้อมูล อย่างน้อยๆ ก็ประมาณ 200-300 ตัวอักษรแรกของเว็บเพจนั้นๆ โดยการอ่านนี้จะหมายรวมไปถึงอ่านข้อความที่อยู่ในโครงสร้างภาษา HTML ซึ่งอยู่ในรูปแบบของข้อความที่อยู่ในคำสั่ง alt ซึ่งเป็นคำสั่งภายใน TAG คำสังของรูปภาพ แต่จะไม่นำคำสั่งของ TAG อื่นๆ ในภาษา HTML และคำสั่งในภาษา JAVA มาใช้ในการค้นหา วิธีการค้นหาของ Search Engine ประเภทนี้จะให้ความสำคัญกับการเรียงลำดับข้อมูลก่อน-หลัง และความถี่ในการนำเสนอข้อมูลนั้น การค้นหาข้อมูล โดยวิธีการเช่นนี้จะมีความรวดเร็วมาก แต่มีความละเอียดในการจัดแยกหมวดหมู่ของข้อมูลค่อนข้างน้อย เนื่องจากไม่ได้คำนึงถึงรายละเอียดของเนื้อหาเท่าที่ควร แต่หากว่าคุณต้องการแนวทางด้านกว้างของข้อมูล และความรวดเร็วในการค้นหา วิธีการนี้ก็ใช้ได้ผลดี  การค้นหาแบบนี้จะเหมาะสมที่สุด เว็บที่ให้บริการ Search Engine แบบ Keyword Index ได้แก่เว็บ
http://www.google.com/      http://www.altavista.com/
การสืบค้นข้อมูลแบบใช้คีย์เวิร์ด
การสืบค้นแบบใช้คีย์เวิร์ด ใช้ในกรณีที่ต้องการค้นข้อมูลโดยใช้คำที่มีความหมายตรงกับความต้องการ โดยมากจะนิยมใช้คำที่มีความหมายใกล้เคียงกับเนื้อเรื่องที่จะสืบค้นข้อมูล   การสืบค้นข้อมูล การสืบค้นแบบใช้คีย์เวิร์ด มีวิธีการค้นหาได้ดังนี้
1. เปิดเว็บเพจ ที่ให้บริการในการสืบค้นข้อมูล โดยพิมพ์ช่องเว็บที่ช่อง Address
www.google.co.th เป็นเว็บที่ใช้สืบค้นข้อมูลของต่างประเทศ ข้อดีคือ ค้นหาง่าย เร็ว
www.yahoo.com เป็นเว็บที่ใช้สืบค้นที่ดีตัวหนึ่งซึ่งค้นหาข้อมูลง่าย และข้อเด่นคือภายในเว็บของ www.yahoo.com เองจะมีฟรีเว็บไซต์ ที่รู้จักกันในนาม http://www.geocities.com ซึ่งมีจำนวนหลาย100000 เว็บ ให้ค้นหาข้อมูลเองโดยเฉพาะ
www.sanook.com เป็นเว็บของคนไทย
www.siamguru.com  เป็นเว็บของคนไทย
ในตัวอย่างจะเปิดเว็บ www.sanook.com
2. ที่ช่อง ค้นหา พิมพ์ข้อความต้องการจะค้นหา ในตัวอย่างจะพิมพ์คำว่า วิทยาศาสตร์
3. คลิกปุ่ม ค้น  
4. จากนั้นจะปรากฏรายชื่อของเว็บที่มีข้อมูล
5. คลิกเว็บที่จะเรียกดูข้อมูล 
2.Subject Directories   การจำแนกหมวดหมู่ข้อมูล Search Engine ประเภทนี้ จะจัดแบ่งโดยการวิเคราะห์เนื้อหา รายละเอียด ของแต่ละเว็บเพจ ว่ามีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร โดยการจัดแบ่งแบบนี้จะใช้แรงงานคนในการพิจารณาเว็บเพจ ซึ่งทำให้การจัดหมวดหมู่ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของคนจัดหมวดหมู่แต่ละคนว่าจะจัดเก็บข้อมูลนั้นๆ อยู่ในเครือข่ายข้อมูลอะไร ดังนั้นฐานข้อมูลของ Search Engine ประเภทนี้จะถูกจัดแบ่งตามเนื้อหาก่อน แล้วจึงนำมาเป็นฐานข้อมูลในการค้นหาต่อไป การค้นหาค่อนข้างจะตรงกับความต้องการของผู้ใช้ และมีความถูกต้องในการค้นหาสูง เป็นต้นว่า หากเราต้องการหาข้อมูลเกี่ยวกับเว็บไซต์ หรือเว็บเพจที่นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ Search Engine ก็จะประมวลผลรายชื่อเว็บไซต์ หรือเว็บเพจที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ล้วนๆ มาให้คุณ
3.Metasearch Engines   จุดเด่นของการค้นหาด้วยวิธีการนี้ คือ สามารถเชื่อมโยงไปยัง Search Engine ประเภทอื่นๆ และยังมีความหลากหลายของข้อมูล แต่การค้นหาด้วยวิธีนี้มีจุดด้อย คือ วิธีการนี้จะไม่ให้ความสำคัญกับขนาดเล็กใหญ่ของตัวอักษร และมักจะผ่านเลยคำประเภท Natural Language (ภาษาพูด) ดังนั้น หากคุณจะใช้ Search Engine แบบนี้ละก็ ขอให้ตระหนักถึงข้อบกพร่องเหล่านี้ด้วย
หลักการใช้คำในการค้นหาข้อมูล
การสืบค้นแบบใช้คีย์เวิร์ด เช่น ถ้าต้องการจะสืบค้นเกี่ยวกับ ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของเครื่องคอมพิวเตอร์ การค้นหาจึงต้องการเนื้อหาที่เจาะลึก การสร้างคำ คีย์เวิร์ด ต้องใช้คำที่เจาะลึกลงไปเพื่อให้ได้ข้องมูลที่เฉพาะคำมากยิ่งขึ้น
1. การใช้คำที่คิดว่าจะมีในเว็บที่ต้องการจะค้นหา เช่น ต้องการจะหาข้อมูลเกี่ยวกับ บุคคล ที่ชื่อว่า นาย อุบล ถ้าเราพิมพ์ข้อมูลที่ช่อง Search ว่า อุบล แล้วทำการค้นข้อมูล Search Engine จะทำการค้นหาคำ โดยจะค้นหารวมทั้งคำว่า
จังหวัดอุบล     อุบลราชธานี     คนอุบล   วิทยาลัยเกษตรอุบล      เทคโนโลยีอุบล
ซึ่งเราจะเจอะ ข้อมูลจำนวนมาก ดังนั้นการใช้คำในการค้นหาข้อมูลจึงต้องใช้คำเฉพาะเพื่อให้ได้ข้อมูลที่น้อยลง เช่น อาจจะพิมพ์คำว่า นาย อุบล พิมลวรรณ ซึ่งข้อมูลจะมีจำนวนที่น้อยลง
2. ใช้เครื่องหมาย คำพูด  (“ _ ”) เพื่อกำหนดให้เป็นกลุ่มคำ เช่น จะค้นหาคำ ชื่อหนังสื่อที่ชื่อว่า โปรแกรม PhotoShop สังเกตว่าคำที่จะค้นหา จะเป็นคำที่ต้องเว้นวรรค แต่เมื่อมีการสืบค้นด้วย Search Engine ระบบจะค้นหาคำแบ่งเป็นสองคำ คือคำว่า โปรแกรม และคำว่า PhotoShop จึงทำให้ข้อมูลที่ได้ผิดพลาด ดังนั้นการสร้างคำ จึงต้องกำหนดคำด้วยเครื่องหมายคำพูด จึงใช้คำว่า โปรแกรม PhotoShop” ในการค้นหาแทน
3. ใช้เครื่องหมาย ลบ (-) ไว้หน้าคำที่ไม่ต้องการจะให้ปรากฏอยู่ในรายการแสดงผลของการค้นหา เช่น ต้องการหาชื่อโรงเรียน แต่ทราบแล้วว่าโรงเรียนที่จะค้นหาไม่ใช้โรงเรียนอนุบาล จึงต้องยกเลิกคำว่าอนุบาล โดยพิมพ์คำว่า โรงเรียน  -อนุบาล ผลที่ได้จะทำให้มีเฉพาะคำว่า โรงเรียน ทั้งหมดแต่จะค้นหาคำว่า อนุบาล (*การพิมพ์เครื่องหมาย ลบกับคำที่จะยกเลิกต้องติดกัน มิฉะนั้นระบบจะเข้าใจว่าจะค้นหาคำ 3 คำ คือ คำว่า โรงเรียน คำว่า + และคำว่า อนุบาล*)
การสืบค้นข้อมูลภาพ
ในกรณีที่นักเรียนต้องการที่จะค้นหาข้อมูลที่เป็นภาพ เพื่อนำมาประกอบกับรายงาน มีวิธีการค้นหาไฟล์ภาพได้ดังนี้
1. เปิดเว็บ www.google.co.th
2. คลิกตัวเลือก รูปภาพ
3. พิมพ์กลุ่มชื่อภาพที่ต้องการจะค้นหา (ตัวอย่างทดลองหาภาพเกี่ยวกับ เสือ)
4. คลิกปุ่ม ค้นหา  
5. ภาพทีค้นหาพบ
6. การนำภาพมาใช้งาน ให้คลิกเมาส์ด้านขวาที่ภาพ > Save Picture as
 
7. กำหนดตำแหน่งที่จะบันทึกที่ช่อง Save in
8. กำหนดชื่อที่ช่อง File Name
9. คลิกปุ่ม Save
เทคนิคการค้นหาจาก google
การค้นหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต ปัจจุบันจะมีตัวช่วยในการค้นหามากมายหลายโปรแกรม  แต่การค้นหาด้วยโปรแกรมต่าง ๆ จะสะดวกมากขึ้น จำเป็นจะต้องรู้เทคนิคในการค้นหา  google ก็มีเทคนิคมากมาย  การค้นหาจาก  google มีหลายวิธีให้คุณ หาข้อมูลได้มากขึ้น
                1. Google จะใช้ and (และ) อยู่ในประโยคเสมอ เช่น ค้นหา Ohm the handsome back to her จะ ค้นหาแบบ ohm AND handsome AND back... (พูดง่ายๆคือค้นหาแบบแยกคำ)
2. การใช้ OR (หรือ) คือการให้ Google หาข้อมูลมากขึ้นจาก คำA และ คำB (พูดง่ายๆ คือนำผลที่ได้มา รวมกันรวมกัน) วิธีใช้ พิมพ์ OR ด้วยตัวใหญ่ระหว่างคำที่ต้องการ เช่น vacation london OR paris คือ หาทั้งใน London และ Paris
3. Google จะละคำทั่วๆไป (เช่น the, to, of) และตัวอักษรเดี่ยว เพราะจะทำให้ค้นหาช้าลง แต่ถ้าคำ พวกนั้นสามารถช่วยให้หาข้อมูลง่ายขึ้น ก็ต้องใช้เครื่องหมาย + ช่วยโดยนำไปอยู่หน้าคำนั้น (ต้องเว้นวรรคก่อนด้วย) เช่น back +to nature final fantasy +x
4. Google สามารถกันขอบเขตการค้นหาให้เล็กลงด้วยการใช้ Advanced Search หรือ การค้นหาแบบพิเศษ ใน Google ภาษาไทย
5. Google สามารถตัดคำพ้องรูปได้โดยใช้เครื่องหมาย - ช่วยโดยการนำไปอยู่คำที่จะตัดเช่น คำว่า bass มี 2 ความหมายคือ เกี่ยวกับปลา และดนดรีเราจะตัดที่มีความหมายเกี่ยวกับดนตรีออกโดยพิมพ์ bass -music หมายความว่า bass ที่ไม่มีคำว่า music นอกจากนี้มันยังสามารถตัดอย่างอื่นได้อีกเช่น "front mission 3" -filetype:pdf หมายความว่า เรื่องเกี่ยวกับ front mission 3 แต่ไม่แสดงไฟล์ PDF
6. การค้นหาแบบทั้งวลี (คือการค้นหาทั้งกลุ่มคำ) ให้ใช้เครื่องหมาย " " เช่น "Breath of fire IV"
7. Google สามารถแปลเวปภาษา Italian, French, Spanish, German, และ Portuguese เป็น ภาษาอังกฤษได้ (โดยคลิ้กที่คำว่า "Translate this page" ด้านข้างชื่อเวป)
8. Google สามารถหาไฟล์ในรูปแบบอื่นๆที่ไม่ใช่ HTML ได้ ประเภทไฟล์ที่รองรับคือAdobe Portable Document Format (pdf)
Adobe PostScript (ps)
Lotus 1-2-3 (wk1, wk2, wk3, wk4, wk5, wki, wks, wku)
Lotus WordPro (lwp)
MacWrite (mw)
Microsoft Excel (xls)
Microsoft PowerPoint (ppt)
Microsoft Word (doc)
Microsoft Works (wks, wps, wdb)
Microsoft Write (wri)
Rich Text Format (rtf)
Text (ans, txt)
วิธีใช้ filetype:นามสกุลของไฟล์ เช่น "Chrono Cross" filetype:pdf หมายความว่าเอกสารของChrono Cross ที่เป็น PDF และมันยังมีความสามารถดูไฟล์เหล่านั้นในรูปแบบของ HTML ได้ (โดยคลิ้ก View as HTML หรือ รูปแบบ HTML ใน Google ไทย)
9. Google สามารถเก็บ Cached ของเวปที่จะเข้าชมไว้ได้ (โดยคลิ้กที่ Cached หรือ ถูกเก็บไว้ ใน Google ภาษาไทย) ประโยชน์ของมันคือช่วยให้เราสามารถเข้าเวปบางเวปที่อาจโดนลบไปแล้ว โดยข้อมูลที่ ได้เป็นข้อมูลก่อนถูกลบ (ใหม่สุดที่มันจะมีได้)
10.Google สามารถค้นหาหน้าที่คล้ายกัน (โดยคลิ้ก Similar pages หรือ หน้าที่คล้ายกัน ใน Google ภาษาไทย) โดยจะค้นหาข้อมูลที่คล้ายๆ กันให้เรา เช่น ถ้าเรากำลังหาข้อมูลการวิจัย ความสามารถนี้จะช่วย ให้หาข้อมูลได้มากมายในเวลาที่รวดเร็วโดยไม่ต้องเป็นห่วงเรื่อง keyword
11.Google สามารถค้นหา link ทั้งหมดที่เชื่อมไปยังเวปนั้นได้ วิธีใช้ link:ชื่อ URL เช่น link:www.google.com และคุณไม่สามารถใช้ความสามารถนี้ร่วมกับการหาแบบอื่นๆ ได้
12.Google สามารถค้นหาเวปที่จำเพาะเจาะจงได้ โดยพิมพ์ คำที่คุณต้องการเจาะจง site:ชื่อ URLเช่น ถ้าคุณต้องการหาเวปเกี่ยวกับการเข้า (admission) มหาวิทยาลัย Stanford ให้พิมพ์admission : site:www.stanford.edu
ข้อแตกต่างระหว่าง Index และ Search Engine
วิธีในการค้นหาข้อมูลแบบ Index จะใช้คนเป็นผู้จัดรวบรวมและทำระบบฐานข้อมูลขึ้นมา ส่วนแบบ Search Engine นั้น  ระบบฐานข้อมูลของจะได้รับการจัดสร้างโดยใช้ Software ที่มีหน้าที่เกี่ยวกับงานทางด้านนี้โดยเฉพาะมาเป็นตัวควบคุมและจัดการ  ซึ่ง Software นี้ชื่อเรียกว่า Spider ซึ่งการทำงานจะใช้วิธีการเชื่อมโยงไปตามเครือข่ายต่างๆ ที่เชื่อมโยงถึงกันอยู่เต็มไปหมดใน  Internet เพื่อค้นหา Website ที่เกิดขึ้นมาใหม่ๆ รวมทั้งยังสามารถตรวจสอบหาความเปลี่ยนแปลงของ ข้อมูลใน WebSite เดิมที่มีอยู่ ว่าที่ใดถูกอัพเดตแล้วบ้าง จากนั้นก็จะนำเอาข้อมูลทั้งหมดที่สำรวจเข้ามา ได้เก็บใส่เข้าไปในฐานข้อมูลของตนโดยอัตโนมัติ  ยกตัวอย่างเช่น Excite, Lycos Infoserch เป็นต้น การค้นหาด้วยวิธี Search Engine นั้น มักจะได้ผลลัพธ์ออกมากว้างๆ ชี้เฉพาะเจาะจงได้ยาก บางครั้งข้อมูลที่ค้นหามาได้อาจมีถึงเป็นร้อยเป็นพัน WebSite
ประโยชน์ที่ได้รับจาก Search Engine
1. ค้นหาเว็บที่ต้องการได้สะดวก รวดเร็ว
2. สามารถค้นหาแบบเจาะลึกได้ ไม่ว่าจะเป็น รูปภาพ, ข่าว, MP3 และอื่นๆ อีกมากมาย
3. สามารถค้นหาจากเว็บไซต์เฉพาะทาง ที่มีการจัดทำไว้ เช่น download.com เว็บไซต์เกี่ยวกับข้อมูลและซอร์ฟแวร์ เป็นต้น
4. มีความหลากหลายในการค้นหาข้อมูล
5. รองรับการค้นหา ภาษาไทย
                ในโลกยุคอินเทอร์เน็ทในปัจจุบันนี้มีข้อมูลมากมายมหาศาล การที่จะค้นหาข้อมูลจำนวนมากมายอย่างนี้เราไม่อาจจะคลิก  เพื่อค้นหาข้อมูลพบได้ง่ายๆ จำเป็นจะต้องอาศัยการค้นหาข้อมูลด้วยเครื่องมือค้นหาที่เรียกว่า Search Engine เข้ามาช่วยเพื่อความสะดวกและรวดเร็ว เว็บไซต์ที่ให้บริการค้นหาข้อมูลมีมากมายหลายที่ทั้งของคนไทยและต่างประเทศ ความหมาย/ประเภท
ของ Search Engine การค้นหาข้อมูลบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก ถ้าเราเปิดไปทีละหน้าจออาจจะต้องเสียเวลาในการค้นหา และอาจหาข้อมูลที่เราต้องการไม่พบ การที่เราจะค้นหาข้อมูลให้พบอย่างรวดเร็วจะต้องใช้เว็บไซต์สำหรับการค้นหาข้อมูลที่เรียกว่า Search Engine Site ซึ่งจะทำหน้าที่รวบรวมรายชื่อเว็บไซต์ต่างๆ เอาไว้ โดยจัดแยกเป็นหมวดหมู่ ผู้ใช้งานเพียงแต่ทราบหัวข้อที่ต้องการค้นหาแล้วป้อน คำหรือข้อความของหัวข้อนั้นๆ ลงไปในช่องที่กำหนด Search Engine แต่ละแห่งมีวิธีการและการจัดเก็บฐานข้อมูลที่แตกต่างกันไปตามประเภทของ Search Engine ที่แต่ละเว็บไซต์นำมาใช้เก็บรวบรวมข้อมูล
การค้นหาข้อมูลเฉพาะทาง
·       ข้อมูลในอินเทอร์เน็ต มีได้ทั้งที่เป็นข้อความ, ภาพ, เสียง, ภาพเคลื่อนไหว
·       การค้นหาภาพ, เสียง, ภาพเคลื่อนไหว ทำได้ยาก และมักไม่ได้ผลตามที่ต้องการ
·       มีการพัฒนาเว็บไซต์ค้นหาภาพ, เสียง, ภาพเคลื่อนไหวโดยเฉพาะ โดยอาจจะใช้ทั้งการจัดหมวดหมู่ และการระบุด้วยคีย์เวิร์ด
·       เช่น siamguru.com, altavista.com
ค้นหาข้อมูลแบบถามตอบ
·       เว็บไซต์ที่ให้บริการค้นหาข้อมูล โดยเทคนิคการถามตอบกับผู้ใช้
·       ผู้ใช้สามารถป้อนคีย์เวิร์ด หรือคำถามลักษณะเดียวกับ Search Engine ทั่วไป
·       โปรแกรมจะค้นหาและจำแนกรายการเป็นคำถามถามกลับมาอีกครั้ง      เพื่อให้ตรงกับความต้องการมากที่สุด
·       เช่น www.aj.com, www.ask.cm
เทคนิคการค้นหาข้อมูล
Ø    เลือกหมวดหมู่ที่สนใจ และตรงกับเนื้อหาที่ต้องการให้มากที่สุด
Ø    ระบุ คีย์เวิร์ดให้เยอะๆ ให้ครอบคลุมเนื้อหาให้มากที่สุด
Ø    คีย์เวิร์ดต้องไม่กำกวม
Ø    ไม่ต้องใส่คำนำหน้า/คำเชื่อมในคีย์เวิร์ด เช่น the, a, an, and, or wระบุคำที่สนใจไว้ในเครื่องหมายคำพูด
Ø    ใส่ตัวกรอง (Filter) ช่วยในการค้นหา ใช้เครื่องหมาย + นำหน้าคีย์เวิร์ด เพื่อบังคับให้มีคำที่ระบุ ใช้เครื่องหมาย - นำหน้าคีย์เวิร์ด เพื่อบังคับไม่ให้มีคำที่ระบุ
Ø    ข้อมูลที่เป็นภาพ, เสียง, ภาพเคลื่อนไหว ควรใช้ค้นหาจากเว็บไซต์ที่ให้บริการเฉพาะทาง เช่น siamguru.com, altavista.com
Ø    ค้นหาโดยอาศัยกลุ่มข่าว และเว็บบอร์ด
·       www.pantip.cm
·       www.sanook.com
·       www.infopress2000.com
·       www.looksmart.com
Ø    ติดตั้งเครื่องมือช่วยค้นหาให้กับเบราเซอร์ (Search Engine Utility)
Ø    จัดกลุ่มการค้นหา เพื่อความสะดวกต่อการใช้งาน
Ø    เช่น
·       entrypoint          www.entrypoint.com
·       ferret                www.webferret.com
·       gurunet             www.gurunet.com
·       thai finder         finder.gits.net.th
ปัญหาการค้นหาข้อมูล
·       ไม่ได้วางแผน เน้นท่องไปเรื่อยๆ (Surfing)
·       ไม่รู้จักเทคนิคการค้นหา
·       ได้ข้อมูลเยอะเกินไป
·       ได้ข้อมูลไม่ตรงกับที่ต้องการ
·       ผลการค้นหาถูกเปลี่ยนแปลง (Broken Link)
·       เพลิดเพลินไปกับเนื้อหาที่ไม่ได้ตั้งใจมากเกินไป        

แหล่งที่มา  http://neng_sa.igetweb.com/?mo=3&art=443837